สรุปความรู้ที่ได้จากการสัมมนาส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุน KSS Knowledge Sharing Program : แชร์ความรวยด้วยความรู้ กับหัวข้อ Stocks Pick @ Fundamental ตอน เหตุการณ์ที่มีผลกระทบกับราคาหุ้น
ก่อนหน้านี้ผมอาศัยวิธีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนจากการอ่านบทความตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือการซื้อหนังสือจากหนังสือที่ออกแนวแนะนำการเล่นหุ้น ซึ่งก็ทำให้พอมีความเข้าใจในระดับพื้นฐาน แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมเองได้มีโอกาสเปิดกองทุนกับทาง บลจ. กรุงศรี ก็เลยถือโอกาสหาเวลาว่าง ๆ ลองสมัครเข้าไปนั่งฟังสัมมนาตามช่วงเวลาที่ทาง บลจ. จัดขึ้นดูบ้าง ซึ่งช่วงเวลาเย็น ๆ หลังเลิกงานแบบนี้ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะไปหาความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้น จึงได้นำมาสรุปเรียบเรียงให้ได้ลองอ่านกันครับ ข้อดีอีกอย่างของการได้เข้าไปร่วมวง หรือไปนั่งฟังเรื่องต่าง ๆ ที่เราสนใจนั้นมันจะทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศ ได้พบปะคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน และได้ฟังการตอบคำถามด้วยครับ
สำหรับหัวข้อที่ได้รับฟังบรรยายมาในวันนี้ก็คือ
1. การซื้อหุ้นคืน จะแบ่งเป็น 2 กรณี คือเพื่อบริหารทางการเงิน เช่นในสภาวะเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำเกินกว่าราคาจริง บริษัทจะทำการขอซื้อหุ้นคืนเพื่อพยุงราคา และจะมีการนำออกมาขาย ตามระยะเวลาที่ได้มีการกำหนด และอีกกรณีคือเพื่อการบริหารอำนาจของบริษัท
2. เงินปันผล/หุ้นปันผล จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท รวมถึงสภาพคล่องในการใช้เงินของบริษัท เนื่องจากนักลงทุนส่วนมากมักชอบที่จะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ การปันผลจึงเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนกับบริษัท แต่ในบางครั้งบริษัทจะใช้วิธีปันผลโดยหุ้นแทนเพื่อรักษาสภาพคล่อง
3. การเพิ่มทุน/ลดทุน เป็นกระบวนการจัดหาเงินทุนเพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่นการชำระหนี้ หรือการขยายกิจการ สำหรับการลดทุนนั้นจะทำเพื่อลดผลขาดทุนทางบัญชี เพื่อให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้
4. การแจก Warrants เป็นเอกสารสิทธิการซื้อหุ้นได้ในราคาที่กำหนด หรือเรียกว่าหุ้นลูก จะมีกำหนดเวลาในการใช้สิทธิซื้อหุ้น หากครบกำหนดโดยไม่มีการนำ Warrants ไปแปลงเป็นหุ้นที่จองไว้ Warrants นั้น ๆ จะกลายเป็นศูนย์
5. การแตกพาร์ จะเป็นการเพิ่มจำนวนหุ้นทำให้ราคาต่อหุ้นลดลง ซึ่งจะทำให้หุ้นที่มีราคาแพงกลับมามีราคาถูกลง จึงเกิดสภาพคล่อง ทำให้ผู้ซื้อรายย่อยมีกำลังซื้อมากขึ้น โดยมูลค่าหุ้นโดยรวมยังคงเท่าเดิม
6. การควบรวมกิจการ เป็นการรวมกิจการเข้าด้วยกันมีหลายลักษณะเช่นการควบรวมกิจการประเภทเดียวกัน การควบรวมกิจการที่เป็นห่วงโซ่เดียวกัน หรือการควบรวมแบบข้ามสายงาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งกำลังคนจากตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อนลงได้ นอกจากนี้แล้วยังเป็นการลดคู่แข่ง และทำให้ได้ฐานลูกค้ามากขึ้น แต่บางกรณีอาจมองได้ว่าเป็นการผูกขาดตลาด
สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้จัดโดยใช้เวลาเพียง ชั่วโมงครึ่ง โดยสรุปเนื้อหาในวันนี้เป็นการพูดถึงเหตุการณ์ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นภายในของบริษัทเองซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่บริษัทสามารถควบคุมได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้โดยมากก็จะส่งผลเป็นบวกต่อราคาหุ้นตัวนั้น ๆ แต่ในบางเหตุการณ์ก็ต้องพิจารณาถึงสถานะทางการเงินของบริษัทในขณะนั้นด้วย เช่น หากบริษัทมีหนี้สะสม หรือขาดทุนอยู่ก็อาจจะทำการเพิ่มทุน หรือลดทุนเพื่อชำระหนี้หรือล้างหนี้สะสม แต่บางกรณีก็อาจเป็นการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนขยายกิจการให้รองรับอัตรากำลังการผลิตที่ขยายตัว เป็นต้น ดังนั้นการเข้าซื้อหรือขายออกจึงควรดูให้รู้ว่ามีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้นบ้าง
สุดท้ายผมมีคำพูดติดตลกของวิทยากรมาฝาก เช่น “ไม่ยากแค่ทำใจ” หรือ “เวลาหุ้นตก อย่างน้อยมันก็บังคับให้เราต้องเป็นนักลงทุน ไม่ใช่แค่นักเก็งกำไร” ก็หมายความว่าเราจำใจที่จะต้องถือหุ้นตัวนั้น ๆ ที่ราคากำลังตกนั่นเอง
ครั้งต่อไปจะพยายามหาเรื่องราว มาสรุปให้ได้อ่านกันอีก โปรดติดตามครับ…
